คาร์โบไฮเดรต (Carbohydrate)
คาร์โบไฮเดรต (Carbohydrate)
Øคาร์โบไฮเดรต เป็นคาร์บอนที่อิ่มตัวด้วยน้ำ
Øประกอบด้วย C,H,O มีอัตราส่วนของอะตอม H ต่อ O เท่ากับ 2 :1 และมีสูตรโมเลกุลทั่วไปเป็น (CH2O)n โดย n มีค่าตั้งแต่ 3 ขึ้นไป
Øแบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ
o 1.น้ำตาลโมเลกุลเดี่ยว (MONOSACCHARIDE) มีคาร์บอนเป็นองค์ประกอบ 3-8 อะตอม มีรสหวาน เป็นผลึกสีขาว ละลายน้ำ ได้แก่ ไรโบส กลูโคส ฟรักโทส และกาแลกโทส
o 2.โอลิโกแซคคาไรด์ (OLIGOSACCHARIDE) ประกอบด้วยน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยว 2-10 โมเลกุล พบบ่อยมากที่สุด
o 3.น้ำตาลโมเลกุลใหญ่ (POLYSACCHARIDE) ประกอบด้วยกลูโคส 100-1,000 โมเลกุล มาต่อกันเป็นสาย ได้แก่ แป้ง เซลลูโลส และ ไกลโคเจน เป็นต้น
1. Monosaccharide(โมโนแซ็กคาไรด์)
· กลูโคส (Glucose) เป็นน้ำตาลที่มีอยู่ในอาหารทั่วไป พบมากในผักและผลไม้สุก และในกระแสเลือด
v กลูโคสที่พบในผลไม้สุก มีมาก ใน องุ่น เรียกว่า น้ำตาลองุ่น
v คนปกติจะมีกลูโคสประมาณ 100 mg ในเลือด 100 cm3
· ฟรักโทส (Fructose) ละลายได้ดีมากในน้ำ จึงทำให้ตกผลึกได้ยาก เป็นน้ำตาลที่มีรสหวานมากกว่าน้ำตาลชนิดอื่น พบในเกสรดอกไม้ ผลไม้ ผัก น้ำผึ้ง
· Monosaccharide เป็นน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยว ที่ประกอบด้วย C, O และ H มีสูตรคือ (CH2O)n
· โดยมีอะตอมของ C ต่อกันเป็นสาย และมี Carbonyl group และ hydroxy group ต่อกับอะตอมของ C
มอนอแซ็กคาไรด์ เป็นคาร์โบไฮเดรตที่มีขนาดโมเลกุลเล็กมาก ประกอบด้วยคาร์บอน 3–8 อะตอม ไม่สามารถเกิดปฏิกิริยาไฮโดรไลซ์ให้เป็นคาร์โบไฮเดรตที่เล็กลงไปอีก จึงสามารถจำแนกมอนอแซ็กคาไรด์ได้ตามจำนวนอะตอมคาร์บอนที่เป็นองค์ประกอบได้ดังนี้
– ไตรโอส (triose) เป็นคาร์โบไฮเดรตที่มีคาร์บอน 3 อะตอม
– เทโทรส (tetrose) เป็นคาร์โบไฮเดรตที่มีคาร์บอน 4 อะตอม เช่น อีริโทรส (erythrose)
– เพนโทส (pentose) เป็นคาร์โบไฮเดรตที่มีคาร์บอน 5 อะตอม เช่น ไรโบส (ribose) ดีออกซีไรโบส (deoxyribose)
– เฮกโซส (hexose) เป็นคาร์โบไฮเดรตที่มีคาร์บอน 6 อะตอม ได้แก่ กลูโคส ฟรักโทส และกาแลกโทส เป็นเฮกโซสที่พบมากที่สุด
– เฮปโทส (heptose) เป็นคาร์โบไฮเดรตที่มีคาร์บอน 7 อะตอม เช่น ซีโดเฮปทูโลส (sedoheptulose)
– ออกโทส (octose) เป็นคาร์โบไฮเดรตที่มีคาร์บอน 8 อะตอม
เมื่อพิจารณาโครงสร้างของมอนอแซ็กคาไรด์จะพบว่า ไรโบส กลูโคส กาแลกโทส มีหมู่ฟังก์ชันเป็นหมู่คาร์บอกซาลดีไฮด์ส่วนไรบูโรส และฟรักโทสมีหมู่ฟังก์ชันเป็นหมู่คาร์บอนิล
2. Oligosaccharide
2.1 Disaccharides ( น้ำตาลโมเลกุลคู่)
มอลโทส (กลูโคส+กลูโคส)
พบในข้าวบาร์เลย์หรือข้าวมอลต์ที่กำลังงอก
ซูโครส (กลูโคส+ฟรุกโทส)
เป็นน้ำตาลที่ได้จากอ้อยและบีท ที่รู้จักกันดีคือ น้ำตาลทราย
น้ำตาลไดแซ็กคาไรด์
แล็กโตส (กลูโคส+กาแล็กโทส)
2.2 Trisaccharides พบในธรรมชาติ คือ แรพฟิโนส พบในน้ำตาลจากหัวบีท และอ้อย ประกอบด้วยกาแล็กโทส กลูโคสและฟรักโทสอย่างละโมเลกุล
· น้ำตาลโมเลกุลคู่ (Disaccharides) เกิดจากการรวมตัวของน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยว 2 โมเลกุล
· Covalent bond ที่เกิดขึ้น เรียกว่า Glycosidic bond
3.Polysaccharide
เป็น คาร์โบไฮเดรต ที่มีขนาดใหญ่ประกอบด้วย monosaccharides ตั้งแต่ 11 - 1,000 โมเลกุล ต่อกันด้วย glycosidic bone
· ตัวอย่าง polysaccharide ได้แก่ starch, glycogen, cellulose และ chitin
แบ่งเป็น
1. แป้ง แบ่งออกเป็น
§ amylose มีอยู่ในแป้ง ประกอบด้วย กลูโคสหลายพันหน่วย ไม่หวาน ลักษณะเป็นโซ่ยาว ไม่แตกกิ่ง
§ amylopectin ประกอบด้วยกลูโคสแตกแขนงเป็นโซ่กิ่ง พบมากในเม็ดพืชผิวเป็นมัน
2. ไกลโคเจน (glycogen) อยู่ที่กล้ามเนื้อลายและตับสัตว์ ทำหน้าที่เป็นแหล่งพลังงาน มีโครงสร้างคล้าย amylopectin คือ มีการแตกแขนงแต่แตกแขนงมากกว่า
3. เซลลูโลส (cellulose) เป็นสารที่พบในผนังเซลล์ของพืช จึงเป็นสารอินทรีย์ที่มีมากที่สุดในโลก ประกอบด้วยกลูโคสเป็นโซ่ยาวประมาณ 3,000 หน่วย แต่ในคนเราไม่สามารถย่อยได้เนื่องจากขาดเอนไซม์ที่ใช้ย่อย
พอลิแซ็กคาไรด์ชนิดต่างๆ
พอลิแซ็กคาไรด์บางชนิดเช่น ไคนิน(chitin) พบในเปลือกของพวก กุ้ง ปู ส่วนเพกทิน (pectin) พบในผนังเซลล์พืช เช่นบริเวณเปลือกส้มโอที่มีสีขาว
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น